สำหรับผู้ที่มีบุตรยาก ทางศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากหลายๆ ที่ มักจะแนะนำให้ทำการผสมเทียมที่เรียกว่า IUI ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะพิจารณาทำเด็กหลอดแก้วแบบต่างๆ เนื่องจากเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย เป็นพื้นฐาน และไม่ยุ่งยากซับซ้อน
แต่ว่า IUI คืออะไร? มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เหมาะกับใคร และมีวิธีการทำอย่างไรบ้าง?
แนะนำประสานงานโดยทีมงาน โรงพยาบาลบีเอ็นเอช
ที่มีประสบการณ์ดูแลกลุ่มคนไข้ภาวะมีบุตรยากนานกว่า 15 ปี
IUI หรือ Intra-Uterine Insemination คือวิธีการแก้ปัญหาการมีบุตรยากแบบหนึ่ง ที่จะใช้วิธีการฉีดเชื้อผสมเทียมเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง เพื่อลดอัตราการตายของตัวอสุจิ ให้อสุจิจำนวนมากเข้าถึงท่อนำไข่เพื่อผสมกับไข่ได้มากขึ้น รวมทั้งการฉีดอสุจิจะทำในวันที่ไข่ตกพอดี เป็นการเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ด้วยวิธีการที่ง่ายที่สุด
IUI สามารถเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ได้ โดยมีโอกาสตั้งครรภ์มากถึง 10 – 15% แม้อัตราการตั้งครรภ์จะน้อยกว่าการทำเด็กหลอดแก้วอย่าง ICSI หรือ IVF แต่ก็ซับซ้อนน้อยกว่า ไม่ต้องพบแพทย์บ่อย และค่าบริการการทำก็ถูกกว่าด้วยเช่นกัน
เพราะปัญหาการมีบุตรยาก อาจเกิดจากอสุจิไม่สามารถวิ่งไปถึงไข่ได้ การทำ IUI จะทำให้เชื้ออสุจิมีโอกาสเข้าไปผสมกับไข่ได้มากขึ้น
ปกติแล้วการหลั่งน้ำเชื้อของผู้ชาย 1 รอบ ควรจะมีอสุจิประมาณ 200 ล้านตัว แต่ด้วยปากมดลูกที่แคบกว่าช่องคลอด ประกอบกับช่องคลอดมีสภาวะเป็นกรด ทำให้เชื้ออสุจิส่วนใหญ่ตาย อ่อนแรง หรือไม่สามารถหาทางไปถึงไข่ที่อยู่บริเวณท่อนำไข่ได้ ส่งผลให้อสุจิที่ไปถึงไข่จะมีเพียง 200 – 500 ตัวเท่านั้น
และหากฝ่ายชายมีปัญหาเกี่ยวกับปริมาณ ความเข้มข้น ความแข็งแรง หรือการเคลื่อนที่ของตัวอสุจิ จะยิ่งทำให้ปริมาณอสุจิที่สามารถเข้าไปถึงไข่ได้มีจำนวนน้อยลงกว่าเดิมมาก จนอาจไม่สามารถทำให้ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ได้
การทำ IUI เป็นการทำให้น้ำเชื้อเข้มข้นขึ้น และฉีดเขาไปด้านในโพรงมดลูกโดยตรง ทำให้อสุจิมีอัตราการรอดชีวิตมากขึ้น ร่นระยะทางการเคลื่อนที่ไปหาไข่ลง อสุจิสามารถไปถึงไข่เพื่อปฏิสนธิได้มากขึ้น นอกจากนี้แพทย์จะกำหนดวันฉีดน้ำเชื้อผสมเทียมในวันที่ไข่ตกอย่างแม่นยำ เพื่อให้อสุจิเข้าไปผสมกับไข่ได้ทันทีก่อนที่ไข่จะฝ่อไป ดังนั้นการทำ IUI จึงเหมาะกับ
นอกจากนี้ยังเหมาะกับใช้แก้ไขภาวะมีบุตรยากที่ไม่ทราบสาเหตุ (Unexplained infertility) เนื่องจากเป็นวิธีการแก้ปัญหาในเบื้องต้นที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งในกรณีนี้แพทย์จะแนะนำให้ทำ IUI ร่วมกับการฉีดยากระตุ้นไข่ตก เพื่อให้ฉีดเชื้อผสมเทียมได้พอดีกับช่วงที่ไข่ตก
ทั้งนี้ การทำ IUI ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน เนื่องจากการทำ IUI ไม่สามารถแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากได้ในบางกรณี การทำ IUI จึงไม่เหมาะกับ
ผู้ที่ไม่เหมาะจะทำ IUI แต่ต้องการมีลูก แพทย์จะแนะนำให้ทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธีการทำ ICSI หรือที่เรียกว่าอิ๊กซี่ และทำ IVF แทน เนื่องจากทั้งสองวิธีไม่ต้องอาศัยท่อนำไข่ ท่อนำน้ำเชื้อ ใช้จำนวนอสุจิน้อย ทั้งยังสามารถตรวจโรคทางพันธุกรรมได้ก่อนการตั้งครรภ์ด้วย
โดยวิธีการทำ ICSI จะเป็นวิธีที่ให้ผลการรักษาสูงที่สุด มีโอกาสตั้งครรภ์มากที่สุด ผู้ที่สนใจควรปรึกษาแพทย์ เพื่อเลือกวิธีแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากที่เหมาะสมต่อไป
การทำ IUI สามารถเพิ่มโอกาสสำเร็จได้มากกว่าปกติประมาณ 5 – 6 เท่า โดยโอกาสสำเร็จจะอยู่ที่ประมาณ 15% ซึ่งโอกาสจะมากหรือน้อยกว่านั้น ขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำเชื้อจากฝ่ายชาย และไข่จากฝ่ายหญิง
ก่อนการเตรียมตัวตั้งครรภ์โดยธรรมชาติ หรือโดยวิธีการแก้ไข้ภาวะมีบุตรยาก ทั้ง IUI, IVF, และ ICSI แพทย์จะแนะนำให้ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตและใช้วิตามินบำรุง เพื่อปรับปรุงคุณภาพของไข่จากฝ่ายหญิงและน้ำเชื้อจากฝ่ายชาย ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ และลดโอกาสเกิดความผิดปกติในทารกได้ด้วย โดยข้อควรปฏิบัติ มีดังนี้
ปรับเปลี่ยน Lifestyle
ทานวิตามินหรืออาหารเสริมตามที่แพทย์แนะนำ
เมื่อปรึกษาแพทย์เรื่องการมีบุตร แพทย์จะเป็นผู้แนะนำวิตามินให้ เนื่องจากแต่ละคนมีสาเหตุของการมีบุตรยากที่แตกต่างกันไป ส่วนวิตามินและอาหารเสริมที่แพทย์แนะนำให้ใช้โดยทั่วไป มีดังนี้
หลังผ่านช่วงก่อนการเตรียมตัวมาแล้ว จะเข้าสู่ช่วงการเตรียมตัวก่อนทำ IUI โดยแพทย์จะให้ตรวจเลือด โรคทั่วไป และตรวจคุณภาพน้ำเชื้อของเพศชาย เพื่อดูความเหมาะสมต่อการทำ IUI และดูโอกาสที่อาจเกิดการติดเชื้อโรคผ่านสารคัดหลั่ง หรือจากแม่สู่ลูกในครรภ์ได้
การปฏิบัติตัวหลังทำ IUI ในช่วงวันแรก ฝ่ายหญิงควรนอนนิ่งๆ ขยับตัวน้อยๆ เพื่อให้อสุจิเคลื่อนที่เข้าไปที่ท่อนำไข่ได้ดีขึ้น เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์
ข้อห้ามหลังฉีดเชื้อคือควรงดการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อไม่ให้มดลูกถูกรบกวน ตัวอ่อนฝังตัวได้ดีขึ้น หลังจากทำ IUI 2 – 3 วันจึงจะสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ การมีเพศสัมพันธ์ในระยะนี้สามารถช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้
แต่ถ้าฝ่ายหญิงรู้สึกเจ็บที่บริเวณช่องคลอดเป็นเวลานาน หรือมีความผิดปกติเกิดขึ้น ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อดูอาการ เนื่องจากอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้
หลังทำ IUI ประมาณ 2 อาทิตย์ ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตนเอง ช่วง 2 อาทิตย์จะเป็นช่วงที่เร็วที่สุดที่สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้แม่นยำ หากตรวจก่อนช่วงเวลานี้อาจให้ผลคลาดเคลื่อนได้
อาจตรวจไม่พบการตั้งครรภ์ทั้งที่จริงแล้วกำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากฮอร์โมนที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ อาจจะยังเพิ่มระดับขึ้นมาไม่มากพอที่จะตรวจพบได้ ในขณะเดียวกันก็อาจจะตรวจพบการตั้งครรภ์ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ จากระดับฮอร์โมน HCG ที่ฉีดเพื่อให้ไข่ตกยังไม่ลดระดับลง ทำให้ชุดตรวจการตั้งครรภ์ให้ผลที่ผิดพลาดได้
เมื่อตรวจตั้งครรภ์แล้ว แพทย์อาจจะให้มาตรวจเลือดที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เพราะการตรวจระดับฮอร์โมนในเลือดจะให้ผลที่แม่นยำได้มากกว่าการตรวจปัสสาวะด้วยชุดตรวจการตั้งครรภ์ปกติ
หากไม่ตั้งครรภ์ แพทย์อาจจะแนะนำฉีดเชื้อ IUI ซ้ำประมาณ 3 – 6 ครั้ง หากยังตั้งครรภ์ไม่สำเร็จแพทย์ก็จะพิจารณาให้ทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธีการ IVF หรือ ICSI ต่อไป
ฉีดเชื้อ ทำ IUI ราคารวมทั้งโปรแกรมจะอยู่ที่ประมาณ 22,644 – 33,817 บาท ขึ้นอยู่กับยาที่แพทย์พิจารณาให้ใช้ จำนวนครั้งที่ต้องพบแพทย์ และตัวเลือกการแช่แข็งน้ำเชื้อ
หากสนใจการทำ IUI สามารถเข้ามาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลบีเอ็นเอชก่อนได้ เพื่อพิจารณาวิธีการแก้ไขภาวะมีบุตรยาก ที่เหมาะสมกับคู่สมรสแต่ละคู่ต่อไป
ดูรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายการทำ IUI เพิ่มเติม : รายละเอียด Package การทำ IUI
Q:อายุเกิน 35 ปี ทำ IUI ได้ไหม?
A:อายุเกิน 35 ปี สามารถทำ IUI ได้ แต่มีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยกว่าผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 35 ปี เนื่องจากผู้หญิงอายุมากกว่า 35 ปีจะมีภาวะมดลูกเสื่อม อีกทั้งรังไข่ยังเหลือไข่จำนวนไม่มาก ทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์จากการทำ IUI น้อยกว่าปกติ วิธีการที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 35 ปี จึงจะเป็นการทำเด็กหลอดแก้วอย่าง IVF หรือ ICSI มากกว่า
ทั้งนี้ แม้จะทำเด็กหลอดแก้วได้ แต่โอกาสตั้งครรภ์สำเร็จก็จะน้อยกว่าผู้ที่อายุน้อยกว่า 35 ปีอยู่ดี ดังนั้นผู้ที่ต้องการมีลูกควรมาพบแพทย์ให้เร็วที่สุด หากพยายามมีลูกด้วยวิธีการตามธรรมชาติแล้วไม่มีลูก เป็นเวลาประมาณ 6 – 12 เดือน ก็ควรมาพบแพทย์เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับภาวะมีบุตรยากได้แล้ว
Q:ทำหมันแล้ว ทำ IUI ได้ไหม?
A:ทำหมันแล้ว ไม่ว่าจะฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง ไม่สามารถทำ IUI ได้ เนื่องจากการทำหมันมักเป็นการทำให้ท่อนำไข่และท่อนำน้ำอสุจิอุดตัน ส่งผลให้ไม่มีโอกาสที่อสุจิกับไข่จะเข้าไปผสมกันโดยธรรมชาติ ทางเลือกสำหรับผู้ที่ทำหมันแล้วจึงมีเพียงการทำเด็กหลอดแก้วอย่าง ICSI และ IVF เท่านั้น
Q:อาการหลังทำ IUI แล้วท้อง เป็นอย่างไร?
A:อาการหลังทำ IUI แล้วท้องจะอาการเหมือนคนท้องปกติ ส่วนใหญ่ที่สังเกตได้ง่ายคือประจำเดือนไม่มาตามเวลา โดยส่วนใหญ่แล้ว การฉีด IUI จะทำประมาณวันที่ 13 – 14 ของการมีประจำเดือน เมื่อรอให้ครบ 2 อาทิตย์เพื่อตรวจการตั้งครรภ์ก็อาจจะเลยวันที่ควรจะมีประจำเดือนมาประมาณ 1 – 2 วัน หากประจำเดือนไม่มาก่อนการตรวจตั้งครรภ์ ก็มีแนวโน้มว่าจะตั้งครรภ์ได้ ทั้งนี้ควรตรวจเลือดโดยแพทย์อีกครั้งเพื่อยืนยันผลให้ชัดเจน
Q: การทำ IUI เลือกเพศลูกได้ไหม?
A: การทำ IUI ไม่สามารถเลือกเพศลูกได้ เนื่องจากเป็นการปฏิสนธิโดยธรรมชาติ กระบวนการปฏิสนธิไม่ได้เกิดขึ้นในห้องทดลอง และตัวอ่อนไม่ได้อยู่ภายนอกร่างกาย จึงไม่สามารถเลือกเพศ หรือทราบเพศก่อนการตั้งครรภ์ได้
ทั้งนี้ ในปัจจุบันกฎหมายของประเทศไทยยังไม่อนุญาตให้เลือกเพศลูกจากการทำเด็กหลอดแก้วได้ จึงไม่สามารถเลือกเพศจากวิธีการผสมเทียมใดๆ ได้เลย
Q: การทำ IUI สามารถมีลูกแฝดได้ไหม?
A: การทำ IUI สามารถทำให้เกิดลูกแฝดได้ แต่ไม่สามารถควบคุมให้เกิดขึ้นอย่างเฉพาะเจาะจงได้ ส่วนโอกาสเกิดแฝดนั้น สามารถเกิดได้ทั้งแฝดไข่คนละใบ และแฝดไข่ใบเดียวกัน เนื่องจากขั้นตอนการฉีดกระตุ้นไข่ตก อาจทำให้ไข่ถูกกระตุ้นได้มากกว่า 1 ฟอง จนไข่ตกมากกว่า 1 ฟอง มีโอกาสเกิดการปฏิสนธิกับไข่ทั้งสองใบหรือมากกว่านั้น จนเกิดครรภ์แฝด
นอกจากนี้ยังมีโอกาสเกิดแฝดจากไข่ใบเดียวกันได้เหมือนกับการตั้งครรภ์ปกติตามธรรมชาติ ทำให้การทำ IUI สามารถเกิดครรภ์แฝดได้นั้นเอง
การทำ IUI เป็นการฉีดเชื้อผสมเทียมในวันที่ตกไข่โดยตรง ทำให้มีโอกาสท้องมากกว่าการมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติ หรือการนับวันมีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้ IUI มีข้อจำกัดในผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากบางกรณี ทำให้แม้จะพยายามทำหลายรอบก็ไม่สำเร็จ
ดังนั้น หากสงสัยว่าตนเองมีภาวะการมีบุตรยาก เคยทำ IUI มาแล้วหลายรอบไม่ได้ผล ก็ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจอวัยวะสืบพันธุ์อย่างละเอียด ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เพื่อให้ทราบปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ต้องเสียเงิน เสียเวลาไปกับวิธีการผสมเทียมที่ทำกี่ครั้งก็อาจไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย
แนะนำประสานงานโดยทีมงาน โรงพยาบาลบีเอ็นเอช
ที่มีประสบการณ์ดูแลกลุ่มคนไข้ภาวะมีบุตรยากนานกว่า 15 ปี
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ยินยอมทั้งหมด
เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเว็บไซต์ของเรา เนื่องจากคุกกี้เหล่านี้ทำให้เว็บเซิร์ฟเวอร์สามารถตอบสนองต่อการกระทำของท่านได้ อีกทั้งยังช่วยในการแสดงผลหน้าเว็บต่อท่าน และยังรวมถึงมอบประสบการณ์ที่สอดคล้องในระหว่างการท่องเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้จะคงอยู่จนกว่าจะสิ้นสุดการเยี่ยมชมของท่านและจะถูกลบอัตโนมัติทันที
รายชื่อคุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ช่วยให้เราสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ของเราด้วยจำนวนครั้งการเข้าดูหน้าเว็บและจำนวนผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์ โดยบริการวิเคราะห์เว็บจะวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของผู้ใช้ ซึ่งเราจะใช้ข้อมูลดังกล่าวในการปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้หรือค้นหาส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ที่ควรได้รับการปรับปรุง อย่างไรก็ตามข้อมูลดังกล่าวไม่สามารถระบุถึงตัวบุคคลได้ (กล่าวคือ เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถใช้เพื่อระบุตัวตนของท่านและไม่มีการเก็บรวบรวมหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ และที่อยู่อีเมลของท่าน) และข้อมูลเหล่านี้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางสถิติเท่านั้น
รายชื่อคุกกี้เพื่อการวิเคราะห์/เพื่อประสิทธิภาพ
ช่วยให้เรารับรู้เมื่อท่านกลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา ด้วยข้อมูลนี้เราจึงสามารถปรับแต่งเว็บไซต์ของเราให้เป็นไปตามความต้องการของท่านได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเยี่ยมชมของท่านให้มีประสิทธิภาพและเฉพาะเจาะจงสำหรับท่านมากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วข้อมูลที่รวบรวมโดยคุกกี้เหล่านี้จะไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้
รายชื่อคุกกี้เพื่อช่วยในการใช้งาน
จะอยู่บนอุปกรณ์ของท่านเพื่อบันทึกหน้าเว็บไซต์หรือลิงค์ที่ท่านได้เยี่ยมชมหรือติดตาม ข้อมูลที่ได้จะถูกใช้เพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ของเราและแคมเปญโฆษณาของเราเพื่อให้เหมาะกับความสนใจของท่าน
คุกกี้เพื่อการโฆษณา