ในขั้นตอนการทำกิฟต์มีขั้นตอนการฉีดยากระตุ้นไข่เช่นเดียวกันกับการทำเด็กหลอดแก้ว แต่มีความแตกต่างกันตรงวิธีการเก็บไข่ โดยขั้นตอนการทำกิฟต์มีหลักๆ ดังนี้
1. การกระตุ้นรังไข่ (Ovary stimulation)
ในขั้นตอนการกระตุ้นรังไข่นั้นจะเริ่มทำเมื่อมีประจำเดือน โดยแพทย์จะเริ่มฉีดยากระตุ้นไข่ เช่น Gonal F, Puregon, Pergoveris, Follitrope ซึ่งปริมาณยาที่แพทย์จะฉีดให้กับคนไข้นั้น จะพิจารณาจากอายุและผลฮอร์โมนฝ่ายหญิงเป็นรายบุคคล
ปกติแล้วระยะเวลาที่ให้ยากระตุ้นรังไข่จะให้นานประมาณ 7-10 วัน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อยาของคนไข้แต่ละคน แพทย์จะตรวจติดตามอาการหลังจากฉีดยากระตุ้นไข่ ด้วยการตรวจอัลตราซาวด์หลังจากฉีดยาไปแล้ว
หลังจากนั้นแพทย์จะทำตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมน FSH, E2, LH หากได้ไข่ที่มีจำนวนและขนาดใหญ่เหมาะสมตามที่แพทย์ต้องการแล้ว จะกระตุ้นการตกไข่โดยการฉีดยาเพื่อให้ไข่ตก โดยการฉีด hCG เมื่อเวลาผ่านไป 34-36 ชั่วโมง แพทย์จะทำการเก็บไข่โดยการเจาะไข่
2. การเจาะไข่
เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการเจาะไข่ แพทย์จะใช้เข็มเจาะถุงไข่แล้วดูดเอาไข่ภายในถุงออกมา โดยการนำไข่ออกมานั้นมี 2 วิธี ดังนี้
2.1 การเจาะผ่านหน้าท้อง โดยอาศัยกล้องตรวจผ่านช่องท้อง สามารถเห็นรังไข่ได้ชัดเจน แล้วใช้เข็มเจาะดูดไข่โดยตรง
2.2 การเจาะผ่านผนังช่องคลอด โดยอาศัยเครื่องอัลตราซาวด์ที่มีเข็มเจาะแล้วจึงดูดไข่ที่ติดอยู่ที่หัวตรวจทางช่องคลอด
3. การย้ายเซลล์ไข่และอสุจิเข้าสู่ท่อนำไข่
ในขั้นตอนการย้ายเซลล์ไข่และอสุจิเข้าสู่ท่อนำไข่ ส่วนใหญ่จะใช้การผ่าตัดส่องกล้องช่องท้อง (Laparoscopic Surgery) เป็นหลัก โดยจะเจาะหน้าท้องฝ่ายหญิงเพื่อนำเอาไข่และอสุจิมาผสมกันข้างนอก แล้วค่อยฉีดกลับไปที่ท่อนำไข่ เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิกันตามธรรมชาติ ในปัจจุบันวิธีนี้ไม่เป็นที่นิยมแล้ว
4. การให้ฮอร์โมนในระยะหลังการทำ
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการย้ายเซลล์ไข่ แพทย์จะให้ฮอร์โมนช่วยในการฝังตัวของตัวอ่อน หลังจากนั้น 12 วัน แพทย์จะทำการตรวจวัดระดับ hCG เพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ต่อไป