
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
โรคกระดูกพรุน เป็นโรคทางกระดูกที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะที่สะโพก กระดูกสันหลัง ข้อมือ สาเหตุหลักเกิดจากกระดูกสลายเร็วเกินไป หรือสร้างช้าเกินไป ตามปกติกระดูกจะแข็งแรงที่สุดตอนคนเราอายุ 30 ปี จากนั้นกระดูกจะค่อยๆ เสื่อมลง การป้องกันโรคกระดูกพรุน ได้แก่ รับประทานอาหารที่มีแคลเซียม วิตามินดี ออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนัก สิ่งที่ทำให้กระดูกพรุนมากขึ้น ได้แก่ เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน อาหารโซเดียมสูง สูบบุหรี่
โรคกระดูกพรุน
กระดูกพรุน คือ โรคของกระดูกที่เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดภาวะกระดูกหักหรือกระดูกสันหลังผิดรูปในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในผู้หญิง ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่การดูแลร่างกายตัวเองร่วมกับการดูแลจากแพทย์จะช่วยให้สามารถควบคุมและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุนได้
กระดูกพรุน (Osteoporosis)
กระดูกพรุน เป็นโรคที่ทำให้กระดูกมีความพรุนและแตกง่าย เนื่องจากการที่มีมวลกระดูกน้อยลงและมีการสูญเสียเนื้อเยื่อกระดูก โดยจากข้อมูลของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health: NIH) ได้รายงานว่า โรคกระดูกพรุนเป็นโรคทางกระดูกที่พบได้บ่อยที่สุด และเป็นโรคที่มีความเสี่ยงในการทำให้เกิดกระดูกหัก โดยเฉพาะที่สะโพก กระดูกสันหลัง หรือข้อมือ
สาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคกระดูกพรุน
- ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยเด็กและวัยหนุ่ม สาว ซึ่งเป็นช่วงที่ควรสร้างความหนาแน่นของกระดูกมากที่สุด
- สาเหตุจากกรรมพันธุ์ หากสมาชิกในครอบครัว เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย มีอาการของโรคกระดูกพรุนอย่างชัดเจน โอกาสที่บุตรหลานจะเป็นโรคกระดูกพรุนจะสูงถึง 80% ส่วน 20% ที่เหลือนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะในการรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย
- การสูบบุหรี่ การดื่มสุราเป็นประจำ จะลดประสิทธิภาพการดูดซึมธาตุแคลเซียมในร่างกาย ทำให้กระดูกเสื่อมและหดลงเร็วยิ่งขึ้น
- การดื่มกาแฟมากๆ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น โค้ก ชา เป็นต้น ก็ทำให้กระดูกเสื่อมง่ายขึ้น
- ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ซึ่งเป็นภาวะปกติของหญิงวัยหมดประจำเดือน ทำให้ประสิทธิภาพในการดูดซึมแคลเซียมในร่างกายลดลง
- การได้รับปริมาณแคลเซียมต่ำในวัยชรา จะทำให้การดูดซึมแคลเซียมในร่างกายลดลง
- การไม่เคลื่อนไหวหรือออกกำลังกาย ทำให้อาการโรคกระดูกพรุนรุนแรงขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยชรา
- การได้รับยาบางอย่าง เช่น ออร์ติโซน สเตียรอยด์ ยากันชัก ยาลดกรดจำพวก antacid เป็นต้น จะลดความหนาแน่นของกระดูก ซึ่งนำไปสู่โรคกระดูกพรุนได้
- การรักษาโดยการฉายรังสี หรือการให้สารเคมี ทำให้มีการทำลายเซลล์กระดูก ซึ่งนำไปสู่โรคกระดูกพรุน
- ขาดวิตามินดี เพราะในวิตามินดีช่วยในการดูดซึมแคลเซียมไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ ซึ่งร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้เองจากแสงแดด ในบ้านเรามักจะไม่มีปัญหาการขาดวิตามีนดี เนื่องจากมีแสงแดดตลอดปี
พยาธิสรีรภาพโรคกระดูกพรุน
ภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนในหญิงวัยหมดประจำเดือน จะทำให้เซลล์กระดูกสร้างและหลั่งไชโตไคน์ ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์ทำลายกระดูก (Osteoclast) ทำให้มีการสลายกระดูกเพิ่มขึ้น จึงเกิดความไม่สมดุลระหว่าง การสร้างกระดูกและการสลายกระดูก มวลกระดูกจึงลดลง นำไปสู่โรคกระดูกพรุนได้ นอกจากนี้ผู้สูงอายุบริโภคแคลเซียมน้อยลงและกลไกการสังเคราะห์วิตามินดีก็เสื่อม ก็เสี่ยงเกิดโรคกระดูกพรุนเช่นกัน เพราะวิตามินดีจะคอยช่วยดูดซึมแคลเซียม เมื่อปริมาณแคลเซียมจากอาหารไม่เพียงพอ ร่างกายจึงอาศัยแคลเซียมจากกระดูก โดยกระตุ้นให้มีการหลั่งพาราไทรอยด์ฮอร์โมนเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ทำลายกระดูก ทำให้มีการสลายกระดูกมากขึ้น ในผู้สูงอายุมีแคลชิโตนินลดลง จึงไม่สามารถควบคุมการสลายกระดูกของเซลล์ทำลายกระดูกได้เหมือนเดิม มวลกระดูกจึงลดลง โดยเฉพาะที่บริเวณ กระดูกสันหลัง ข้อมือ สะโพก เป็นต้น ทำให้ผู้สูงอายุมักมีส่วนสูงลดลง เนื่องจากกระดูกบางลงทำให้ไม่สามารถรับแรงได้ตามปกติ จึงเสี่ยงต่อการหักได้ง่าย ทำให้มีอาการปวด และเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ตามปกติ
อาการของโรคกระดูกพรุน
- ส่วนสูงลดลง
- กระดูกข้อหรือกระดูกสะโพกอาจหักได้ง่าย
- มีอาการปวดกระดูกเรื้อรัง
- หลังค่อม

การวินิจฉัยโรคกระดูกพรุน
เบื้องต้นแพทย์จะตรวจสอบประวัติของผู้ป่วย หากมีอาการปวดหลังเนื่องจากการทรุดตัวของกระดูกสันหลัง มีประวัติกระดูกหัก และมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น การตัดรังไข่ การใช้ยาสเตียรอยด์ หรือมีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคกระดูกพรุน ประจำเดือนหมดแล้ว การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมต่ำ ไม่ค่อยออกกำลังกาย จะมีแนวโน้มที่เป็นโรคกระดูกพรุนค่อนข้างสูง หากตรวจร่างกายจะพบว่าส่วนสูงลดลง มีความผิดปกติของแขนขาซึ่งเกิดจากกระดูกหัก หากถ่ายภาพรังสี จะพบหมอนรองกระดูกสันหลังและกระดูกสันหลังยุบเข้าไปทั้งด้านบนและล่าง
การตรวจความหนาแน่นของกระดูก (Bone mineral density; BMD) ด้วยเครื่องวัดความหนาแน่นของกระดูก Dual energy X-ray absorptiometry (DXA)
การรักษา โรคกระดูกพรุน
แพทย์จะให้ยายับยั้งการสลายกระดูกจำพวก Bisphosphanate ยาเสริมสร้างกระดูก ฮอร์โมนทดแทนเอสโตรเจนหลังหมดประจำเดือน และยาบรรเทาปวด นอกจากนั้นการออกกำลังกาย การใช้เครื่องพยุงหลัง และการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียม ก็จะช่วยเสริมสร้างให้อาการดีขึ้นด้วย
การพยาบาลและการป้องกันโรคกระดูกพรุน
- ให้นอนพักบนที่นอนที่แน่นไม่อ่อนนุ่ม
- จัดท่านอนให้ถูกต้อง โดยหนุนหมอนเตี้ยๆ พยุงบริเวณคอและหัวไหล่ให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรง
- ให้ยาบรรเทาปวด และยายับยั้งการสลายกระดูก
- ใช้ความร้อนร่วมกับการนวด พลิกตะแคงตัวด้วยความระมัดระวัง
- แนะนำให้ใช้ส้วมแบบโถนั่ง
- ให้เดินด้วย Walker หรือ Cane เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
- ให้รับประทานอาหารครบทั้ง 3 มื้อ โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลเซียมและโปรตีนสูง เช่น นม เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ เป็นต้น
- ให้รับประทานแคลเซียมและวิตามินดีเสริม
- ออกกำลังกาย และลดน้ำหนัก หากมีภาวะน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์
- เลิกบุหรี่ จำกัดสารคาเฟอีน งดดื่มสุรา เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะทำให้เพิ่มการสลายแคลเซียม
- ดูแลให้ร่างกายได้รับแสงแดดในยามเช้า 30 นาที 2 – 3 ครั้ง/สัปดาห์
- ระมัดระวังไม่ให้หกล้มเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอันตรายร้ายแรงได้ โดยควรจัดทำบ้านให้ดีมีราวจับ ตรวจดูลานสายตาและการทรงตัวของผู้สูงอายุด้วย